มีหลายคนสงสัยและถามเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆในการซื้อรถว่าต้องทำยังไงบ้าง ต้องเตรียมตัวอย่างไร ติดเคดิตบูโร ติดแบล็คลีสซื้อรถได้มั้ย เงือนเดือนเท่านี้ รายได้เท่านั้น สามารถออกรถได้มั้ย ไฟแนนซ์จะผ่านมั้ย วันนี้ผมจะอธิบายให้ฟัง เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการออกรถ หากใครมีคำถามสามารถสอบถามได้นะครับ
1. คิดให้ดีก่อนซื้อรถ ก่อนอื่นเราต้องเช็คตัวเองการว่ามีความจำเป็นต้องใช้รถมากแค่ไหน สมมติถ้าคุณพักอยู่ในตัวเมื่องที่รถติดและต้องเดินทางไปทำงานที่มีเส้นทางการจราจรที่หนาแน่นมีความจำเป็นน้อยมากที่จะออกรถ แต่ถ้าคุณต้องทำงานต่างจังหวัด หรืองานบางคนจำเป็นต้องใช้รถ เช่นงานเซล ที่จะต้องใช้รถออกไปหาลูกค้า พ่อค้าแม่ค้าขายของที่จำเป็นต้องใช้รถขนของไปขาย แต่เราก็ต้องมาดูสภาพคล่องทางการเงินของเราอีกว่าควรที่จะออกรถรุ่นนั้นๆหรือไม่ จะออกเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง
2. สิ่งที่ต้องเตรียมที่จะออกรถ ก็จะมีพวก สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน (สำเนาตัวที่เป็นฉบับคัดลอกไม่สามารถใช้ได้) Statement (รายการบัญชีย้อนหลัง 4 – 6 เดือน) หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ เอกสารการได้มาซึ่งรายได้ต่าง เช่นรายได้จากงานเสริม รายได้เสริมต่างๆ (ถ้ามี) เอกสารสำหรับผู้ค้ำประกันเหมือนผู้ซื้อในกรณีดาวน์ต่ำกว่า 25% ของราคารถ
3. กรณีติดแบล็คลีส เคดิตบูโร ไม่สามารถออกรถได้ ยกเว้นว่าจะไปเคลียร์เรื่องแบล็คลีสให้จบก่อนก็ได้ถ้าสามารถทำได้ หรือไม่ถ้ามีครอบครัว คู่สมรส สามารถออกในนามคู่สมรสได้ รถมือสองสำหรับบางไฟแนนซ์อาจจะไม่สนใจเรื่องเคดิดบูโรถ้าเขาดูแล้วว่าสภาพทางการเงินของคุณดีพอหรือเปอเซ็นต์ความเสี่ยงน้อยที่ไม่สามารถผ่อนชำระได้
4. โอกาสที่ไฟแนนซ์จะผ่านนั้นก็มีหลายปัจจัยด้วยกัน หลักๆจะเป็นเรื่องของรายรับรายจ่าย ทางไฟแนนซ์จะดูว่า รายรับคุณเป็นยังไง มีรายได้เข้ามาสม่ำเสมอหรือไม่ ซึ่งเขาก็จะดูจากบัญชีย้อนหลังของเรานั่นแหละ แล้วนำไปหักลบกับรายจ่ายของเราในแต่ระเดือน ยกตัวอย่างเช่น
เงินเดือน 12,000 หักค่าเช่าบ้าน 2,000 เหลือ 10,000 โอกาสทีไฟแนนซ์จะมีโอกาสผ่านคือ ยอดผ่อนต้องไม่มากเกิน 40% ของรายได้ จากที่ยกตัวอย่างข้างต้นนั้น ยอดผ่อนของรถรุ่นที่เราต้องการในแต่ละเดือนต้องไม่เกิน 4,000 บาท
ถ้ายอดผ่อนเกินนี้มีโอกาสน้อยมากครับที่จะผ่าน มีอีกทางนึงคือหาคนค้ำ แต่คนค่ำที่สามารถช่วยได้ดีคือ พี่ น้องที่เป็นสายเลือดเดียวกัน พ่อ แม่ ที่มีเงินเดือน หรือ ข้าราชการด้วยยิ่งดี สมมุติรายได้เราหักลบแล้วเหลือ 10,000 บาท รายได้คนค้ำ 20,000 นำมาหาร 2 = 10,000 เขาจะนำมารวมให้เป็น 20,000 แล้วยอดที่เราต้องผ่อนต่อเดือน 6,000 บาทคิดเป็น % = 30% โอกาสที่จะผ่านก็มีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงไฟแนนซ์จะผ่านเราก็ต้องดูรายจ่ายหลังซื้อรถแล้วด้วยนะครับว่าจะพอใช้ในแต่ละเดือนเหรือเปล่า เช่น รายได้ 12,000 หักค่าเช่าบ้าน 2,000 เหลือ 10,000 ผ่อนเดือนละ 3,000 เหลือใช้ 6,000 ลบค่าน้ำมันออก 3,000 เหลือแค่ 3,000 นั่นเท่ากับว่าเราเหลือกินเหลือใช้แค่ 3,000 เท่านั้นถือว่ายังไงก็ไมพอใช้ (ควรคิดดีก่อนซื้อนะครับ ไหนจะมีค่าบำรุงรักษาตามมาอีก)
ในกรณีที่เรามีรายได้แต่ไม่เข้าบัญชีอันนี้ถือว่าไม่มีหลักฐานไฟแนนซ์เขาจะไม่สามารถนำมาบวกเพิ่มรายได้ของเราได้ครับ ก่อนซื้อรถแนะนำให้ทำตัวเลขในบัญชีให้สวยๆก็ดี
5. ปัญหาเรื่องคนค้ำ ถ้าจะอยากจะตัดปัญหาเรื่องนี้ไปก็แนะนำดาวน์ 25% ขึ้นไปครับไม่ต้องใช้คนค้ำ ถ้าดาวน์ต่ำกว่านี้ต้องใช้คนค้ำด้วยครับ คนค้ำไฟแนนซ์จะเน้นไปที่คนในครอบครัวของผู้ซื้อ เช่น พี่ น้อง พ่อ แม่ อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าบุคคลเหล่านี้ไฟแนนซ์จะนำรายได้ของผู้ค้ำมาเพิ่มให้ทำให้โอกาสที่จะผ่านก็มีเยอะขึ้น แต่ก็ยังมีรถบางยี่ห้อที่จัดโปรโมชั่น แคมเปญ ดาวน้อย แถมไม่ต้องใช้คนค้ำก็มีเหมือนกัน (เรื่องนี้สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของเราได้เรื่อย) ซึ่งส่วนมากกรณีจะเป็นไฟแนนซ์เฉพาะของทางบริษัทรถยนต์นั้นๆนั่นเอง
6. ก่อนการทำสัญญา เราต้องดูให้ดีกว่าเขามีอะไรมาให้เราเซ็นบ้าง เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์บางคนอาจจะเนียนให้เราเซ็นในส่วนของประกันเพิ่มในกรณีเรา เสียชีวิต แล้วเสียเงินเพิ่มเดือนละ 300-400 โดยที่เจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ไม่แจ้งให้เราทราบ ซึ่งประกันส่วนนี้เราเลือกที่จะรับหรือรับก็ได้ (แต่ทำไว้ก็ดีนะ)
7. เรื่องดอกเบี้ยเราต้องดูให้แน่ใจว่าดอกจะไม่สูงจนเกินไป ทั้งนี้เราสามารถต่อรองได้ด้วย เพราะบางครั้งดอกเบี้ยจริงๆแล้วอาจจะไม่สูงมาก ถ้าเราไม่สนใจ เซลเขาอาจจะให้เราดอกเบี้ยสูงโดยที่เขาจะได้ % จากไฟแนนซ์อีกที ส่วนนี้ต้องดูให้ดี ผ่อน 60 งวดดอกเบี้ยไม่ควรเกิน 2.8-2.9% 72 งวดไม่ควรเกิน 3.3% และ 84 งวดไม่ควรเกิน 4% แค่นี้ก็ถือว่าสูงแล้ว (ไฟแนนซ์แต่จะเจ้าส่วนมากจะดอกเบี้ยไม่เท่ากัน และความยากง่ายของการอนุมัติก็ต่างกัน)
8. ก่อนรับรถต้องเชคว่าได้ของแถมหรืออุปกรณ์ที่เขาให้มาครบหรือเปล่า มีตำหนิหรืออะไรชำรุดมั้ย แต่จริงๆแล้วทางบริษัทเจ้าของรถเขาก็จะจะเชคสภาพให้เราก่อนนำรถออกมาให้เราอยู่แล้ว
สำหรับผมนึกเรื่องที่จะบอกได้เท่านี้แต่จริงๆ รายละเอียดยิบย่อยมีเยอะ ยังไงก็ขอให้โชคดีมีรถใช้กันทุกคนนะครับ