การขับขี่รถในช่วงหน้าฝน นอกจากจะต้องระมัดระวังน้ำท่วมห้องเครื่อง (สำหรับคนเมือง) หรือระวังถนนลื่นส่งผลให้รถเสียการควบคุม (กรณีขับขี่ด้วยความเร็ว) แล้ว เวลาที่ฝนตกกระหน่ำ จนน้ำฝนระบายลงท่อไม่ทัน ขังเป็นแอ่งเจิ่งนองบนท้องถนน และเราเลือกจะขับฝ่าแอ่งน้ำนั้นไป ก็เป็นอีกสถานการณ์ที่ควรระมัดระวังเอามากๆ นะครับ เพราะนั่นอาจเป็นสาเหตุของอาการรถเหินน้ำได้
อาการรถเหินน้ำ เกิดจากอะไร? เกิดจากการที่เราขับรถลุยแอ่งน้ำขังด้วยความเร็วในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะแอ่งน้ำที่มีความลึกมากกว่า 10 เซนติเมตรขึ้นไป จะทำให้ยางรถของเรานั้นไม่สามารถรีดน้ำออกให้ยางสัมผัสกับพื้นถนนได้ ทำให้ยางข้างที่ลุยน้ำเกิดการลอย อันจะนำไปสู่การที่รถเกิดการปัดหรือไถล สูญเสียการควบคุม และหากไม่สามารถแก้ไขได้ทันก็อาจเกิดเป็นอุบัติเหตุได้
อาการ รถเหินน้ำนี้เกิดขึ้นได้จากปัจจัยหลายประการ หนึ่งก็ดังที่บอกไปแล้ว ว่าคือการที่มีน้ำถังอยู่บนพื้นถนนมากกว่า 10 เซนติเมตรขึ้นไป จนมีลักษณะเป็นแอ่ง และถ้าเกิดยางของเรามีประสิทธิภาพไม่ดีพอ หรือยางเกิดการเสื่อมสภาพจากการใช้งานมานาน จนชำรุด หรือดอกยางตื้นจนไม่สามารถรีดน้ำออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับอีกประการคือการขับขี่รถด้วยความเร็วสูง ก็เป็นเหตุให้เกิดภาวะเสี่ยงที่รถจะเหินน้ำได้
ทำอย่างไร เมื่อรถเหินน้ำ? ในกรณีที่รู้สึกได้ว่ารถเริ่มเหินน้ำ แต่ยังไม่ปัดหรือไถลออกนอกเส้นทาง ห้ามเบรค!!! ด้วยประการทั้งปวง เพราะจะทำให้รถที่ยังไม่ปัด เกิดการปัดทันที ส่วนรถที่เริ่มปัดแล้วก็จะปัดมากยิ่งขึ้น
ถ้าไม่เบรคแล้วจะ ให้ทำอย่างไร? ใช้วิธีการผ่อนคันเร่งลดความเร็วลงจนรู้สึกได้ว่ายางเริ่มสัมผัสกับพื้นผิว ถนน ระหว่างนั้นควรมีสติบังคับพวงมาลัยให้รถมุ่งไปในทิศทางที่ปลอดภัยอย่างค่อย เป็นค่อยไป ไม่ควรหักพวงมาลัยอย่างฉับพลันทันที
อย่างไรก็ ตาม ทางที่ดีที่สุดของการป้องกันอาการรถเหินน้ำ ก็คือการหมั่นตรวจสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และเหนืออื่นใดคือ ขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็วมากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ฝนตกหนักนะครับ