Volkswagen XL1 ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกที่กาตาร์มอเตอร์แสดงในปี 2011 และขณะนี้ได้รับการยืนยันว่าจะเริ่มต้นการผลิตออกมาในชุดแรก 250 คันก่อน โดยรถคันนี้ใช้เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดระดับสูงพร้อมระบบขับเคลื่อนและทุกองค์ประกอปของรถคันนี้ จะช่วยให้มันสามารถประหยัดพลังงานได้และใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพที่สุดคันหนึ่งของโลกเลยทีเดียวอัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 110 กม./ลิตรมันประหยัดสุดยอดจริงๆ
Powering XL1 ใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็ก 800ซีซี TDI สองกระบอกสูบคอมม่อนเรล ให้กำลัง 48แรงม้าเชื่อมโยงกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผลิตกำลังอีก 27แรงม้า, จึงได้กำลังทั้งหมด 75 แรงม้า และ แบตเตอรี่-ลิเธียมไอออนขนาด 5.5 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ TDI มีการเชื่อมโยงไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าและระบบเกียร์ DSG เจ็ดระดับสปีดพร้อมระบบคลัทช์อัตโนมัติที่ติดตั้งอยู่ระหว่างแต่ละหน่วยของมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างอิสระ เครื่องยนต์ TDI นั้นให้กำลังเพียงพอในการขับขี่หรือแม้กระทั่งจะเร่งแซง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ของ XL1 อยู่ที่ 12.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 162 กม./ชม. และจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยกล่องไฟฟ้าที่ 159 กม./ชม.
Volkswagen XL1 รถยนต์ระบบไฮบริดสองที่นั่งนี้ สามารถเดินทางได้ถึง 50 กิโลเมตรในโหมดไฟฟ้าดังนั้นหากขับขี่ไม่เกิน 50 กิโลเมตรการปล่อยมลพิษจึงเป็นศูนย์ และ หากต้องใช้พลังงานของเครื่องยนต์อัตราปล่อยไอเสียก็เพียงแค่ 21 กรัม/กม.เท่านั้น
วัสดุที่ใช้เป็นโครงสร้างมีความทนทานเป็นวัสดุพิเศษคุณภาพสูงแต่น้ำหนักเบาเพียง 230 กิโลกรัม และวัสดุที่เป็นชิ้นส่วนประกอบต่างๆของรถก็เป็น Carbon Fibre Reinforced Polymer (CFRP) ที่ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรของมาตรฐานใหม่ในการผลิตคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนบนนั้นเป็นการขึ้นรูปด้วยเรซินที่เรียกว่า Resin Transfer Moulding (RTM) รวมน้ำหนักทั้งหมดของ XL1 จะอยู่ที่ 795 กิโลกรัม
795 กิโลกรัม นี้ประกอบไปด้วยน้ำหนักจากส่วนต่างๆคือ
- น้ำหนักของระบบขับเคลื่อน (227 กก. )
- วงเกียร์ (153 กิโลกรัม)
- ห้องโดยสารภายในพร้อมเบาะ (80 กก. )
- ระบบไฟฟ้า (105 กก. )
น้ำหนักทั้งหมดนี้เป็นเพียง 23.2% ของรถที่ทำจากเหล็ก
การออกแบบเน้นในเรื่องเข้าสู่ภายในง่ายผ่านช่องประตูแบบปีกนกที่สง่างาม ขณะที่รายละเอียดของรถในอุโมงค์ลมที่นำไปวัดค่าความต้านทานอากาศน่าจะอยุ่ที่ 0.186 ความยาวโดยรวมของ XL1 อยู่ที่ 3,970 มม. กว้าง 1,682 มม. และสูง 1,184 มม. เพื่อความสปอร์ต XL1 จะมีการผลิตที่โรงงานOsnabrückโฟล์คสวาเกนในประเทศเยอรมนี
ราคาจำหน่ายก็เอาเรื่องทีเดียวอยู่ที่ 146,040 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 4.7 ล้านบาทเ กำหนดการออกจำหน่ายจะมีขึ้นในช่วงกลางปีหน้า ถึงแม้ราคาอาจจะสูง แต่Volkswagen เชื่อมั่นว่ารถรุ่นนี้จะขายดีในกลุ่มนักสะสมรถ
ขอบคุณข้อมูลจาก : autospinn, volkswagen.co.uk