หูฟังหรือ Headphone เป็นอุปกรณ์พกพาที่สำคัญอย่างหนึ่งในปัจจุบัน เพราะมีการใช้กันอย่างแพร่หลายและสร้างความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้ที่กำลังฟังเพลง การเล่นเกมคาสิโน ออนไลน์ หรือ การทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องมีการฟังเสียงในที่สาธารณะเพื่อไม่ให้รบกวนคนอื่น
นอกจากการใช้งานแบบเป็นส่วนตัวแล้ว หูฟังยังเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งสำหรับนักร้อง นักดนตรี รวมทั้งผู้ที่เป็นโปรดิวเซอร์เพลง เพราะหูฟังที่ดีนั้นจะสร้างความแตกต่างในการเข้าถึงเพลงมากกว่าลำโพงที่ดีที่สุดจะให้ได้ โดยในตอนนี้มีหูฟังหลายแบรนด์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สร้างสรรค์งานเพลง นักร้อง และนักดนตรี บทความของเราได้รวบรวมคอลเลคชันที่น่าสนใจและมีหลากหลายราคามาฝากกัน
หูฟังคุณภาพดีสำหรับนักดนตรีและนักตัดต่อเสียง
Focal Listen Professional
หูฟังนี้เหมาะสำหรับโปรที่ทำงานในห้องสตูดิโอและบุคคลทั่วไป มีจุดเด่นอยู่ที่ความแข็งแรงและเข้ากับรูปหน้าได้อย่างกระชับ รูปร่างสวยงามและให้เสียงเบสที่เป็นกลางและหนักแน่นอย่างน่าทึ่งพร้อมการขยายเสียงที่หลากหลาย นำเสนอเสียงต่ำที่มั่นคง เสียงกลางที่เต็ม และเสียงสูงที่ฟังได้แบบราบรื่นหู หูฟังบรรจุในเคสที่สวยงามและแข็งแรง หูฟังนี้เป็นหูฟังแบบครบวงจรที่ดีที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้
- ประเภท : หูฟังแบบครอบปิด
- ความถี่ตอบสนอง : 5Hz - 22kHz
- ประเภทของไดรเวอร์ : Mylar/Titanium, 40mm
- การเชื่อมต่อ : เป็นหูฟังแบบมีสาย
- จุดเด่น : ใส่สบายและมีเสียงต่ำที่มั่นคง รูปลักษณ์สวยงาม
- จุดด้อย : ใส่นานแล้วอาจจะมีเหงื่อไหล
Beyerdynamic DT 700 PRO X
เป็นหูฟังที่ได้รับการอัพเกรดมาจากรุ่น DY 770 Pro X มีการปรับปรุงรูปลักษณ์ พร้อมแผ่นรองหูฟังที่นุ่มขึ้นและมีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นด้วยการออกแบบตัวสัญญาณ Stellar.45 ใหม่ที่เร็วต่อการตอบสนอง ช่วยส่งเสริมให้การตอบสนองโดยละเอียดและเสียงที่เชื่อถือได้แบบไม่เพี้ยนแม้ว่าจะมีระดับความดันเสียงสูง หูฟังนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในสตูดิโอและการใช้งานในชีวิตประจำวัน หูฟังนี้เป็นตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการยกระดับจากหูฟังรุ่น 770 Pro
- ประเภท : หูฟังแบบครอบปิด
- ความถี่ตอบสนอง : 5Hz - 40kHz
- ประเภทของไดรเวอร์ : Dynamic STELLAR.45, 50mm
- การเชื่อมต่อ : เป็นหูฟังแบบมีสาย
- จุดเด่น : ตัดเสียงภายนอกได้ดี เสียงดี และใส่สบายมาก
- จุดด้อย : ราคาแพงกว่า 770 Pro
Sony MDR-7506
หูฟัง MDR ของ Sony เป็นที่นิยมมาเป็นเวลานานหลายปีและถือว่าเป็นหูฟังสำหรับสตูดิโอที่ดีที่สุดอันหนึ่ง หูฟังนี้ใช้สำหรับการบันทึกรายการและการออกอากาศแบบสดทั่วโลก MDR-7506 เป็นการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของความสะดวกสบาย การนำไปใช้งานได้จริง และความคุ้มค่า
จากประสบการณ์ของเรา หูฟังนี้สวมใส่สบายถึงแม้ว่าจะใส่เป็นเวลานาน และได้รับการออกแบบมาเพื่อแสดงหากมีความผิดปกติในการบันทึกเสียง หูฟังมีคุณภาพเทียบเท่ากับชนิดอื่นที่อาจจะมีราคามากกว่า 2 เท่า คุณจะได้ฟังเสียงที่หนักแน่นและชัดเจนตลอดช่วงสเปกตรัม โดยมีการบูสต์ปานกลาง
- ประเภท : หูฟังแบบครอบปิด
- ความถี่ตอบสนอง : 10Hz - 20kHz
- ประเภทของไดรเวอร์ : Neodymium, 40mm
- การเชื่อมต่อ : เป็นหูฟังแบบมีสาย
- จุดเด่น : ทน ใส่ได้สบายแม้จะใส่นาน รวมทั้งมีเสียงที่ดี
- จุดด้อย : สายเชื่อมต่อน้ำหนักเยอะ
Sennheiser HD-206
หากคุณกำลังมองหาหูฟังที่ราคาไม่สูงมากสำหรับการบันทึกเสียงและฟังในสตูดิโอ Sennheiser HD-206 คือคำตอบที่ดีที่สุดของคุณ เชื่อมั่นได้จากยี่ห้อ Sennheiser ที่เป็นที่นิยมมาเป็นเวลานาน
หูฟังนี้มีคุณสมบัติที่เกินเลยราคาที่ย่อมเยาว์เป็นอย่างมาก การตอบสนองของเบสนั้นสมบูรณ์และคมชัด มีรายละเอียดมากมายที่สามารพบได้ในเสียงกลางและเสียงสูง ทำให้เป็นหูฟังที่เหมาะกับแอมป์กีตาร์ที่ดีที่สุด
หูฟังนี้มี Earpad ที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกไม่ว่าจะอยู่ในสตูดิโอหรือขณะเดินทาง
- ประเภท : หูฟังแบบครอบปิด
- ความถี่ตอบสนอง : 21Hz - 18kHz
- ประเภทของไดรเวอร์ : Dynamic, closed
- การเชื่อมต่อ : เป็นหูฟังแบบมีสาย
- จุดเด่น : ดีสำหรับแทรกกิ้ง ทนและมีน้ำหนักเบา ราคาย่อมเยาว์
- จุดด้อย : สายเชื่อมต่อมีความยาวมาก
Sennheiser HD-25
อีกหนึ่งหูฟังที่เป็นที่นิยมในสตูดิโอและมีใช้มาเป็นเวลานาน หูฟัง Sennheiser HD-25 ได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในด้านความสามารถในการจัดการระดับแรงดันเสียงที่สูงและให้การสร้างเสียงที่ยอดเยี่ยม หูฟังนี้มีความทนทานให้เสียงที่หนักแน่นและแม่นยำโดยมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมาก
หูฟังนี้มีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่ แบบ Light , Standard และ Plus
- ประเภท : แบบปิดหู
- ความถี่ตอบสนอง : 16Hz - 22kHz
- ประเภทของไดรเวอร์ : Dynamic, closed
- การเชื่อมต่อ : เป็นหูฟังแบบมีสาย
- จุดเด่น : น้ำหนักเบาและมีความทนทาน
- จุดด้อย : earpads ไม่ดีนัก
หูฟังที่ใช้ในสตูดิโอแตกต่างอย่างไรกับหูฟังที่ใช้ส่วนตัว
หูฟังส่วนใหญ่ที่ผลิตขึ้นเพื่อการฟังหรือเล่นเกมในชีวิตประจำวันทั่วไปจะมีการเพิ่มพลังเสียงโดยธรรมชาติ มีการเพิ่มช่วงความถี่เพื่อยกระดับประสบการณ์การฟัง ซึ่งมักจะทำให้เสียงดีขึ้นด้วยการเพิ่มพลังเสียงจากการปรับระดับเสียง รวมทั้งความถี่เสียงทุ้มและเสียงแหลม ในขณะที่หูฟังแบบสตูดิโอจะได้รับการออกแบบให้แสดงการตอบสนองความถี่ที่แบนราบกว่าหูฟังแบบทั่วไปส่วนใหญ่ เพื่อให้การฟังในสตูดิโอนั้นมีเสียงที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด