ปัจจุบันปัญหามลพิษในเมืองใหญ่ ๆของโลกถือว่าเป็นปัญหาอันดับต้น ๆของโลกเลยก็ว่าได้ สาเหตุของปัญหามลพิษนี้เกิดขึ้นมาจากจำนวนรถยนต์ที่มากขึ้นทำให้หลายๆเมืองใหญ่ของโลกคิดหาวิธีแก้ไขปัญหานี้ซึ่งเมืองไทยก็ติดอันดับปัญหามลพิษในเมืองใหญ่เหมือนกัน อาทิ กรุงเทพ และเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้มีแนวคิดที่จะไม่ให้รถยนต์ที่มีอายุใช้งานมานานแล้วเข้ามาในกรุงเทพ แต่แนวคิดนี้ได้ถูกต่อต้านอย่างหนัก เนื่องจากนโยบายนี้เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับประชาชน
ผิดกับในประเทศฝรั่งเศส ที่กรุงปารีสได้ผ่านกฏหมายฉบับสำคัญที่จะมาช่วยลดปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสได้ ใจความสำคัญของกฏหมายฉบับนี้คือ ห้ามรถยนต์เก่าเข้ามาขับในถนนเขตเมือง โดยจะห้ามรถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งจดทะเบียนก่อนเดือนธันวาคม ปี 1996 และรถกระบะที่จดทะเบียนก่อนเดือนกันยายน ปี 1997 รถขนส่งเชิงพาณิชย์และรถบัสที่จดทะเบียนก่อนเดือนกันยายน ปี 2001 เข้ามาในเขตเมือง กฏหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนของปี 2015 เป็นต้นไป
credit image : grayline
ผู้ที่มีอำนาจในการออกกฏหมายนี้หวังว่ากฏหมายนี้จะช่วยแก้ปัญหาจำนวนรถยนต์และแก้ปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสได้ เพราะว่ามลภาวะทางอากาศที่เกิดขึ้นจากรถยนต์ทำให้ชาวฝรั่งเศสเสียชีวิตมากขึ้นปีละ 43,000 คน และทำให้อายุขัยของชาวปารีสสั้นกว่าเมืองอื่นครึ่งปีโดยเฉลี่ย โดยนายกเทศมนตรีของกรุงปารีสได้พูดถึงเป้าหมายในอนาคตว่า อยากจะให้กรุงปารีสเป็นเมืองหลวงเมืองแรกของโลกที่เป็นเมืองที่ปลอดรถยนต์ในปี 2020 และพยายามลดการปลดปล่อยมลภาวะในปารีสลง 30% ให้ได้ภายในปี 2015 นอกจากกฏหมายดังกล่าวแล้ว ยังมีนโยบายกระตุ้นให้ใช้รถยนต์ที่ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ผู้ที่มีรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล สามารถนำรถยนต์ไปแลกซื้อรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าได้โดยมีส่วนลดที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นเงิน 10,000 ยูโร คิดเป็นเงินไทยประมาณ 370,000 บาท นอกจากมาตรการดังกล่าวนี้แล้ว นายกเทศมนตรีของกรุงปารีสยังมีแนวคิดที่จะจำกัดความเร็วของรถยนต์ในเขตเมืองไว้ที่ 30 กม./ชม. ซึ่งกฏหมายนี้กำลังถูกผู้คนหลายกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกฏหมายฉบับนี้ วิพากษ์วิจารณ์ว่ากฎหมายฉบับนี้จะสามารถแก้ไขปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในเมืองได้จริงหรือเปล่า
ถึงกระนั้นทางกรุงปารีสเองก็ได้มีแผนในการวางโครงข่ายในการขนส่งมวลชนในกรุงปารีสให้เชื่อมโยงกันให้มากที่สุดเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับผู้ที่จะเดินทางในกรุงปารีสไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางซึ่งถ้านโยบายในสามารถช่วยลดมลพิษที่เกิดจากรถยนต์ได้จริง ๆ เชื่อว่าจะต้องมีเมืองใหญ่หลายเมืองนำวิธีนี้ไปใช้กันเพื่อลดมลพิษทางอากาศอย่างแน่นอน
